กินยาคุมก่อนเวลา 2 ชั่วโมงจะเป็นไรมั้ย

กินยาคุมก่อนเวลา 2 ชั่วโมงจะเป็นไรมั้ย

                เผลอกินยาคุมก่อนเวลา 2 – 3 ชั่วโมง จะท้องไหม แล้วต่อไปต้องกินยาคุมตามเวลาใหม่ หรือควรใช้ในเวลาเดิม

                เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการป้องกันการตั้งครรภ์ ก็ควรรับประทานยาคุมให้ถูกต้องและตรงเวลาสม่ำเสมอนะคะ

                ซึ่งการรับประทานตรงเวลา จะหมายถึง เม็ดยาที่ควรใช้ในแต่ละวัน ได้รับห่างกัน 24 ชั่วโมงพอดีค่ะ

                ยกตัวอย่างเช่น หากรับประทานเม็ดแรกในเวลา 20.00 น. ของวันอาทิตย์ เมื่อนับต่อไปอีก 24 ชั่วโมง ซึ่งเป็นเวลาที่ควรรับประทานเม็ดที่สอง ก็จะตรงกับเวลา 20.00 น. ของวันจันทร์ และนับต่อไปอีก 24 ชั่วโมง เวลาที่ควรรับประทานเม็ดที่สาม ก็จะตรงกับ 20.00 น. ของวันอังคาร

การรับประทานยาคุมตรงเวลา คือ ได้รับแต่ละเม็ดห่างกัน 24 ชั่วโมง

                แต่ถ้ารับประทานเม็ดที่สองก่อนเวลา 2 ชั่วโมง ซึ่งตรงกับเวลา 18.00 น. ของวันจันทร์ ระยะห่างระหว่างการใช้เม็ดที่ 1 และ 2 คำนวณจาก 20.00 น. ของวันอาทิตย์ ไปจนถึง 18.00 น. ของวันจันทร์ ก็จะกลายเป็น 22 ชั่วโมง ซึ่งยังไม่เป็นปัญหาค่ะ เนื่องจากห่างกันน้อยกว่า 24 ชั่วโมงอยู่แล้ว

                สิ่งที่ควรพิจารณาต่อก็คือ ระยะห่างระหว่างเม็ดที่ 2 กับเม็ดที่ 3 จะเป็นเท่าใดนะคะ

                เพราะถ้ากำหนดให้เวลา 20.00 น. คือเวลารับประทานยาคุมในแต่ละวัน เมื่อรับประทานเม็ดที่สามในเวลา 20.00 น. ของวันอังคาร ระยะห่างระหว่างการใช้เม็ดที่ 2 และ 3 คำนวณจาก 18.00 น. ของวันจันทร์ ไปจนถึง 20.00 น. ของวันอังคาร ก็จะกลายเป็น 26 ชั่วโมง

การรับประทานก่อนเวลา ทำให้ระยะห่างไม่เท่ากับ 24 ชั่วโมง

                หรือถ้าลืม ทำให้รับประทานช้ากว่าเวลาที่กำหนดไว้ไปอีก เช่น รับประทานเม็ดที่สามในเวลา 22.00 น. ของวันอังคาร ระยะห่างระหว่างการใช้เม็ดที่ 2 และ 3 คำนวณจาก 18.00 น. ของวันจันทร์ ไปจนถึง 22.00 น. ของวันอังคาร ก็จะกลายเป็น 28 ชั่วโมง

หากรับประทานไม่ตรงเวลาบ่อย ๆ อาจทำให้ระยะห่างยิ่งมากขึ้น

                หากรับประทานผิดเวลา แต่ไม่ทำให้ระยะห่างระหว่างเม็ดมีมากเกินไป ก็ยังคุมกำเนิดได้ค่ะ

                แต่เนื่องจากยาคุมแต่ละชนิด จะยืดหยุ่นให้รับประทานผิดเวลาได้ต่างกัน ตั้งแต่น้อยสุดคือ 3 ชั่วโมง หรืออาจนานกว่านั้นได้ แต่อย่างมากที่สุดก็ไม่ถึง 2 – 3 วัน

                จึงต้องพิจารณาด้วยว่ายาคุมที่ใช้อยู่นั้น อนุโลมให้รับประทานผิดเวลาได้มากน้อยแค่ไหน และเมื่อรับประทานก่อนเวลาไปแล้วในวันนี้ แม้จะยังไม่มีปัญหา แต่ถ้านับไปจนถึงเวลาที่ใช้ในวันพรุ่งนี้ ระยะห่างระหว่างเม็ดจะมากเกินไปหรือเปล่า

ชนิดของยาคุมคำแนะนำ
ยาคุมฮอร์โมนเดี่ยวชนิดตัวยาไลเนสทรีนอล (Lynestrenol) ได้แก่ “เอ็กซ์ลูตอน” (Exluton), “เดลิต้อน” (Dailyton)รับประทานช้ากว่าเวลาที่กำหนดได้ไม่เกิน 3 ชั่วโมง  

นั่นคือ ระยะห่างจากเม็ดหนึ่ง ไปหาอีกเม็ดหนึ่ง ต้องไม่เกิน 27 ชั่วโมง
ชนิดตัวยาดีโซเจสตริล (Desogestrel) ได้แก่ “ซีราเซท” (Cerazette)รับประทานช้ากว่าเวลาที่กำหนดได้ไม่เกิน 12 ชั่วโมง  

นั่นคือ ระยะห่างจากเม็ดหนึ่ง ไปหาอีกเม็ดหนึ่ง ต้องไม่เกิน 36 ชั่วโมง
ชนิดตัวยาดรอสไพรีโนน (Drospirenone) ได้แก่ “สลินดา” (Slinda)รับประทานช้ากว่าเวลาที่กำหนดได้ไม่เกิน 24 ชั่วโมง  

นั่นคือ ระยะห่างจากเม็ดฮอร์โมนหนึ่ง ไปหาเม็ดฮอร์โมนอีกเม็ด ต้องไม่เกิน 48 ชั่วโมง
ยาคุมฮอร์โมนรวมชนิดที่มีฮอร์โมนระดับเดียว ซึ่งก็คือยาคุมส่วนใหญ่ที่มีจำหน่ายในปัจจุบันรับประทานช้ากว่าเวลาที่กำหนดได้ไม่ถึง 48 ชั่วโมง  

นั่นคือ ระยะห่างจากเม็ดฮอร์โมนหนึ่ง ไปหาเม็ดฮอร์โมนอีกเม็ด ต้องน้อยกว่า 72 ชั่วโมง  

***หากอ้างอิงตามแนวทางขององค์การอนามัยโลก อาจแนะนำให้รับประทานช้ากว่าเวลาที่กำหนดได้ไม่ถึง 48 ชั่วโมง หรือไม่ถึง 72 ชั่วโมง ขึ้นกับปริมาณฮอร์โมนที่มี***
ชนิดที่มีฮอร์โมนหลายระดับ ได้แก่ “ออยเลซ” (Oilezz), “ไคลรา” (Qlaira)รับประทานช้ากว่าเวลาที่กำหนดได้ไม่เกิน 12 ชั่วโมง  

นั่นคือ ระยะห่างจากเม็ดฮอร์โมนหนึ่ง ไปหาเม็ดฮอร์โมนอีกเม็ด ต้องไม่เกิน 36 ชั่วโมง

                จากตัวอย่างเดียวกันข้างต้น การรับประทานเม็ดที่ 2 ก่อนเวลา 2 ชั่วโมง ทำให้เม็ดที่ 1 และ 2 ห่างกันน้อยกว่าปกติ แบบนี้ไม่มีปัญหานะคะ

                ส่วนเม็ดที่ 3 ถ้ารับประทานตรงตามเวลาที่กำหนดไว้ จะทำให้เม็ดที่ 2 และ 3 ห่างกัน 26 ชั่วโมง ก็ไม่มีปัญหาเช่นกัน

                แต่ถ้าลืมเม็ดที่ 3 ทำให้รับประทานช้ากว่าเวลาที่กำหนดไว้ไป 2 ชั่วโมง ก็จะทำให้เม็ดที่ 2 และ 3 ห่างกัน 28 ชั่วโมง สำหรับผู้ใช้ยาคุมฮอร์โมนเดี่ยว ชนิดตัวยาไลเนสทรีนอล เช่น “เอ็กซ์ลูตอน” และ “เดลิต้อน” ถือว่าไม่มีผลคุมกำเนิดต่อเนื่องแล้ว จึงควรแก้ไขตามแนวทางปฏิบัติกรณีลืมรับประทานยาคุม

                แต่สำหรับผู้ที่ใช้ยาคุมชนิดอื่น ๆ ซึ่งอนุโลมให้ระยะห่างระหว่างเม็ดเป็น 28 ชั่วโมงได้ ก็ไม่มีปัญหาค่ะ

                ในทางทฤษฎี การรับประทานตรงเวลา จะหมายถึงการเว้นระยะห่างระหว่างเม็ดให้เท่ากับ 24 ชั่วโมง แต่ในทางปฏิบัติ การกำหนดเวลารับประทานยาคุมไปเลย เช่น จะรับประทานในเวลา 20.00 น. ของแต่ละวัน น่าจะสะดวก และทำได้ง่ายกว่าการนับระยะห่างระหว่างเม็ดจริง ๆ นะคะ โดยเฉพาะเมื่อไม่ได้รับประทานตรงเวลาอย่างเคร่งครัด

                และแม้จะรับประทานผิดเวลาไปบ้าง แต่ถ้าไม่ทำให้ระยะห่างระหว่างเม็ดมีมากเกินไป ก็ไม่จำเป็นจะต้องปรับเวลารับประทานใหม่ทุกครั้งที่เกิดปัญหา แต่ควรรับประทานตามเวลาที่กำหนดไว้เหมือนเดิม เพื่อลดความสับสนที่อาจทำให้ใช้ผิด

                อย่างไรก็ตาม การใช้ยาคุมไม่ตรงเวลา แม้จะไม่มากเกินเวลาที่ยืดหยุ่นให้ แต่ก็อาจลดประสิทธิภาพของยาคุมได้ค่ะ โดยมีการสรุปใน Trussell J. Contraceptive Technology, 2018. ไว้ว่า การรับประทานยาคุมรายเดือนอย่างสมบูรณ์แบบ (Perfect use) มีโอกาสตั้งครรภ์เพียงแค่ 0.3% ในขณะที่การใช้โดยทั่ว ๆ ไปอย่างไม่เคร่งครัด (Typical use) อาจทำให้โอกาสตั้งครรภ์เพิ่มขึ้นเป็น 7%

                อีกทั้ง ความแปรปรวนของฮอร์โมน ที่เกิดจากการรับประทานยาคุมไม่ตรงเวลา ก็อาจทำให้มีเลือดออกกะปริบกะปรอยได้ง่าย

                ดังนั้น เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการป้องกันการตั้งครรภ์ และลดปัญหาเลือดออกกะปริบกะปรอย จึงควรรับประทานยาคุมให้ถูกต้อง, เหมาะสม และตรงเวลาสม่ำเสมอนะคะ

เอกสารอ้างอิง

  1. FSRH Guideline: Combined Hormonal Contraceptive. Faculty of Sexual & Reproductive Healthcare, 2019. (Amended November 2020)
  2. FSRH Guideline: Progestogen-only Pills. Faculty of Sexual & Reproductive Healthcare, August 2022. (Amended October 2022)
  3. U.S. Selected Practice Recommendations for Contraceptive Use. Centers for Disease Control and Prevention, 2016.
  4. Selected Practice Recommendations for Contraceptive Use,3rd edition. World Health Organization, 2016.
  5. Trussell J, Aiken ARA, Mickes E, Guthrie K. Efficacy, Safety, and Personal Considerations. In: Contraceptive Technology, 21st ed, Hatcher RA, Nelson AL, Trussell J, et al (Eds), Ayer Company Publishers, Inc., New York 2018.