Tirzepatide กับยาเม็ดคุมกำเนิด

                Tirzepatide ซึ่งมีการขึ้นทะเบียนเพื่อจำหน่ายในหลายประเทศรวมถึงประเทศไทย ด้วยชื่อการค้าว่า Mounjaro® (มอนจาโร) เป็นยาลดน้ำตาลในเลือดสำหรับผู้ป่วยเบาหวานประเภทที่ 2 โดยฉีดเข้าชั้นใต้ผิวหนังสัปดาห์ละครั้ง ร่วมกับควบคุมอาหารและออกกำลังกาย

                อีกทั้งยังถูกนำมาใช้รักษาโรคอ้วน เนื่องจากพบว่าสามารถลดน้ำหนักได้ดี ซึ่งในบางประเทศได้แยกขึ้นทะเบียน Tirzepatide ด้วยชื่อการค้าว่า Zepbound® สำหรับข้อบ่งใช้นี้ค่ะ

ขอบคุณภาพจาก https://mounjaroportugal.com/wp-content/uploads/2024/10/Mounjaro-Tirzepatide.png
ขอบคุณภาพจาก https://zepbound.lilly.com/assets/images/dtc/resource-icons/photo_pen_vial.png

                แต่เพราะ Tirzepatide ไปลดการเคลื่อนไหวของกระเพาะอาหาร ก็อาจรบกวนการดูดซึมยาที่รับประทานได้ ผู้ผลิตจึงเตือนผู้ใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดว่า ควรใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยเป็นเวลา 4 สัปดาห์หลังจากที่เริ่มใช้และเพิ่มขนาด หรือเปลี่ยนไปใช้วิธีคุมกำเนิดรูปแบบอื่น ๆ แทนการรับประทานยาคุมค่ะ

                ซึ่งเมื่อพิจารณาหลักเกณฑ์ที่เหมาะสมสำหรับการเลือกวิธีคุมกำเนิด (Medical Eligibility Criteria for Contraceptive Use) ของหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งที่เผยแพร่ก่อน1,2 และหลัง3 การออกจำหน่ายของ Mounjaro® ในปี ค.ศ. 2022 และ Zepbound® ในปี ค.ศ.2023 ยังไม่มีการกล่าวถึงกรณีดังกล่าวนะคะ

                อย่างไรก็ตาม คณะอนามัยเจริญพันธุ์และสุขภาวะทางเพศ สหราชอาณาจักร (FSRH) ได้ออกคำแนะนำ4 เพื่อตอบข้อซักถามของสมาชิกเกี่ยวกับการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดร่วมกับ Tirzepatide

                โดยกล่าวว่า ผลการทดลองทางคลินิกที่ใช้ Tirzepatide ร่วมกับยาเม็ดฮอร์โมนรวมสูตร Ethinyl estradiol (EE) 0.035 มิลลิกรัมและ Norgestimate (NGM) 0.25 มิลลิกรัม ชี้ว่า Tirzepatide ลดการดูดซึมของยาคุมกำเนิดชนิดรับประทานได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ จึงอาจส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์

                แต่ด้วยข้อมูลที่จำกัด จึงต้องศึกษาเพิ่มเติมเพื่อให้มีความชัดเจนมากขึ้น ในระหว่างนี้ คณะผู้เชี่ยวชาญของ FSRH แนะนำให้ปฏิบัติตามแนวทางที่กำหนดไว้ในเอกสารกำกับยาสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ (Summary of Product Characteristics: SmPC) และบัญชียาหลักแห่งชาติของสหราชอาณาจักร (British National Formulary: BNF) นั่นคือ

                ผู้ใช้ Tirzepatide ควรเลือกวิธีคุมกำเนิดที่ไม่ใช่การรับประทานยา เช่น การใส่ห่วงคุมกำเนิด, การฝังยาคุมกำเนิด, การฉีดยาคุมกำเนิด, การใส่วงแหวนคุมกำเนิด และการใช้แผ่นแปะคุมกำเนิด

                หรือถ้าใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด ให้สวมถุงยางอนามัยร่วมด้วยเป็นเวลา 4 สัปดาห์หลังจากเริ่มใช้ Tirzepatide และอีก 4 สัปดาห์หลังจากเพิ่มขนาดยา Tirzepatide แต่ละครั้ง

                ผลข้างเคียงต่อระบบทางเดินอาหาร ที่อาจพบได้จากการใช้ Tirzepatide ได้แก่ คลื่นไส้ อาเจียน ท้องผูก ปวดท้อง เบื่ออาหาร อาหารไม่ย่อย และท้องเสีย

                โดยอาการท้องเสียและอาเจียน สามารถพบได้บ่อยมาก นั่นคือ มากกว่า 10% ของผู้ใช้

                อีกทั้ง อาการคลื่นไส้ อาเจียน และท้องเสีย มักพบมากขึ้นในช่วงที่เพิ่มขนาดยา Tirzepatide และลดลงเมื่อเวลาผ่านไป

                คณะผู้เชี่ยวชาญของ FSRH จึงให้แนะนำเพิ่มเติม ดังนี้ค่ะ

                ในกรณีที่ใช้ Tirzepatide แล้วทำให้อาเจียนหรือท้องเสีย ควรปฏิบัติตามแนวทางแก้ไขเมื่ออาเจียนหลังรับประทานยาคุม หรือแนวทางแก้ไขเมื่อท้องเสียอย่างรุนแรงและต่อเนื่องนานกว่า 24 ชั่วโมง

                และถ้าผู้ใช้ Tirzepatide ยังคงอาเจียนหรือท้องเสียอย่างต่อเนื่อง ควรพิจารณาวิธีคุมกำเนิดอื่นแทนการรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิด หรือให้ใช้ถุงยางอนามัยเป็นวิธีป้องกันสำรองร่วมด้วย

เอกสารอ้างอิง

  1. Medical Eligibility Criteria for Contraceptive Use. World Health Organization, 2015.
  2. UK Medical Eligibility Criteria for Contraceptive Use, 2016. (Amended September 2019)
  3. U.S. Medical Eligibility Criteria for Contraceptive Use, 2024.
  4. The FSRH CEU addresses member enquiries: Guidance on oral contraceptive use with GLP-1 agonists tirzepatide and semaglutide, 4th Dec 2024.