คลาเรนซ์ (Clarenz) และ คลาเรนซ์28 (Clarenz28) เป็นยาคุมรายเดือนสูตรเดียวกัน ผลิตโดยบริษัทไทยนครพัฒนา จำกัด (Thai Nakorn Patana co.ltd) ราคาประมาณ 130 – 150 บาท ยาคุมสูตรนี้มีผลข้างเคียงต่ำ โดยคลาเรนซ์เป็นยาคุมแบบ 21 เม็ด เมื่อใช้หมดแล้วจะต้องเว้นว่าง 7 วันก่อนต่อยาคุมแผงใหม่
…
ในแผงยาคุมคลาเรนซ์ จะมีเม็ดยาเคลือบน้ำตาล (Sugar coated tablet) สีส้มอ่อน จำนวน 21 เม็ด
แต่ละเม็ดจะมีตัวยาเหมือนกัน นั่นคือ มีฮอร์โมนเอสโตรเจนชื่อว่าเอทธินิลเอสตราไดออล (Ethinylestradiol) 0.02 มิลลิกรัม รวมกับฮอร์โมนโปรเจสตินชื่อว่าเจสโตดีน (Gestodene) 0.075 มิลลิกรัม
…
คลาเรนซ์เป็นยาคุมที่มีปริมาณเอทธินิลเอสตราไดออลต่ำมาก (Ultra low dose pills) อาการคลื่นไส้, อาเจียน, ปวดศีรษะ และการเกิดฝ้า จึงพบได้น้อย
อีกทั้ง ผลข้างเคียงเรื่องสิว หน้ามัน หรือขนดก ก็พบได้น้อยเช่นกัน เพราะแม้ว่าฤทธิ์แอนโดรเจนของเจสโตดีนจะสูงกว่าโปรเจสตินรุ่นที่ 3 ตัวอื่น แต่ก็มีการใช้ในขนาดที่ต่ำมาก
คลาเรนซ์ไม่ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มยาคุมที่มีผลต้านการบวมน้ำ เพราะแม้จะพบผลนี้ในสัตว์ทดลอง แต่ในมนุษย์กลับพบน้อยมากหรือไม่พบเลย
…
พบการเกิดลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือด จากการใช้ยาคุมสูตรที่มีเอทธินิลเอสตราไดออลรวมกับเจสโตดีน 9 – 12 ราย ต่อผู้ใช้ 10,000 คนต่อปี และอาจเพิ่มขึ้นมากหากใช้อย่างไม่เหมาะสม หรือมีปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ร่วมด้วย
จึงควรปรึกษาสูตินรีแพทย์ก่อนใช้คลาเรนซ์ โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัว หรือมีการรับประทานยา/สมุนไพรใด ๆ อยู่ เพื่อพิจารณาความเหมาะสม ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการคุมกำเนิด และเพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือด รวมถึงการเกิดมะเร็งบางชนิดที่สัมพันธ์กับฮอร์โมนเพศ หรือการเสียชีวิตด้วยโรคหลอดเลือดสมอง/โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
…
ถ้าหาซื้อคลาเรนซ์ไม่ได้ และต้องการใช้ยาคุมสูตรเดิมที่เป็นรูปแบบ 21 เม็ด สามารถใช้ เมลลิแอน (Meliane), แอนนี่ลินน์ (Annylyn) หรือ ไซโคลเม็กซ์-20 (Ciclomex-20) แทนได้ค่ะ
หรือเปลี่ยนเป็นยาคุม 28 เม็ดที่มีตัวยาเหมือนกัน เช่น คลาเรนซ์28 (Clarenz28), เมลลิแอนอีดี (MelianeED), แอนนี่ลินน์28 (Annylyn28) และ ออนเจล20 (Onjel20)
…
เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ใช้ไม่ได้มีการตั้งครรภ์อยู่ แนะนำให้เริ่มรับประทานยาคุมแผงแรกภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือน
ในกรณีนี้ ยาคุมจะยับยั้งการตกไข่ในรอบเดือนนั้นเลย จึงถือว่ามีผลคุมกำเนิดทันทีที่เริ่มใช้
…
หรือถ้ามั่นใจว่าไม่ได้กำลังตั้งครรภ์ ก็สามารถเริ่มยาคุมแผงแรกได้โดยไม่ต้องรอให้ประจำเดือนมาก่อน แต่ถ้าไม่มีผลคุมกำเนิดจากวิธีอื่นอยู่ ก็ควรงดมีเพศสัมพันธ์ หรือให้ใช้ถุงยางอนามัยป้องกัน ไปจนกว่าจะรับประทานคลาเรนซ์ติดต่อกันครบ 7 วันนะคะ
…
แม้ว่าอาการคลื่นไส้อาเจียนจะเกิดขึ้นได้น้อยจากการใช้ยาคุมชนิดฮอร์โมนต่ำมากอย่างคลาเรนซ์ แต่ก็แนะนำให้รับประทานในเวลาก่อนนอนตอนกลางคืน ทั้งเพื่อลดอาการคลื่นไส้อาเจียนที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ใช้บางราย รวมถึงลดความเสี่ยงที่จะลืมใช้
และควรรับประทานให้ตรงเวลาสม่ำเสมอ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการป้องกันการตั้งครรภ์ และลดปัญหาเลือดออกกะปริบกะปรอย
…
ในแผงของคลาเรนซ์จะมีการระบุตัวย่อของวันในสัปดาห์เอาไว้
ให้เลือกเม็ดยาที่ระบุตัวย่อตรงกับวันที่จะรับประทาน เช่น ถ้าเริ่มใช้ยาคุมแผงนี้ในวันอังคาร ก็ให้แกะเม็ดยาที่ระบุว่า “อ” (ซึ่งย่อมาจากวันอังคาร) มาใช้เป็นเม็ดแรก
โดยจะเลือกเม็ดยา “อ” จากตำแหน่งใดก็ได้ใน 3 ตำแหน่งที่มีอยู่ มาเป็นจุดเริ่มต้น เพราะเมื่อรับประทานวนตามเข็มนาฬิกาไปเรื่อย ๆ ก็จะได้ใช้คลาเรนซ์จนครบ 21 เม็ดเหมือนกัน
จากนั้นก็ใช้ต่อวันละเม็ด ตามลำดับที่เลือกไว้ ไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะหมดแผง
เมื่อใช้ครบ 21 เม็ดแล้ว ก็ให้เว้นว่างเป็นช่วงปลอดฮอร์โมน 7 วัน จากนั้นจึงต่อยาคุมแผงใหม่
โดยทั่วไป ประจำเดือนของผู้ใช้มักจะมาประมาณวันที่ 3 หรือ 4 ของการเว้นว่าง หรืออาจคลาดเคลื่อนจากนั้นเล็กน้อย
…
แม้ว่าการรับประทานคลาเรนซ์แบบย้อนศร หรือไม่เรียงตามลำดับ จะมีประสิทธิภาพและผลข้างเคียงไม่แตกต่างไปจากการรับประทานตามลำดับที่ถูกต้อง เนื่องจากทุก ๆ เม็ดในแผงมีตัวยาเหมือนกันทั้งหมด
แต่เพื่อให้ง่ายต่อการตรวจสอบ และป้องกันการรับประทานซ้ำซ้อนหรือการใช้ไม่ต่อเนื่องทุกวัน ควรแกะเม็ดยาที่ระบุตัวย่อตรงกับวันที่ใช้จริง และใช้เรียงตามลูกศรไปเรื่อย ๆ ทุกวันจนหมดแผง
…
หากลืมรับประทานยาคุมคลาเรนซ์ ไม่ว่าจะลืมแค่วันเดียว หรือลืมต่อเนื่องกันหลายวันก็ตาม ในวันที่นึกได้ ให้รับประทานเม็ดที่ลืม 1 เม็ดทันทีที่ทำได้ แล้วรอรับประทานยาคุมในเวลาที่เคยใช้ประจำอีก 1 เม็ด
หรือถ้าถึงเวลารับประทานยาคุมประจำวันแล้ว ก็ให้รับประทานเม็ดที่ลืม 1 เม็ดพร้อมกับเม็ดยาที่ต้องใช้ประจำวัน รวมกันเป็น 2 เม็ด
จากนั้นก็ใช้ต่อวันละเม็ดตามปกติค่ะ
…
หากเริ่มใช้ยาคุมแผงนี้ถูกต้องและมีผลคุมกำเนิดแล้ว ถ้าลืมรับประทานคลาเรนซ์ไม่ถึง 48 ชั่วโมง (นับจากเวลาที่ควรต้องใช้ ไปหาเวลาที่ได้รับประทานจริง) ยังถือว่ามีผลคุมกำเนิดต่อเนื่องนะคะ จึงไม่จำเป็นจะต้องใช้วิธีป้องกันอื่น ๆ เพิ่มเติม
…
แต่ถ้าลืมรับประทานติดต่อกันตั้งแต่ 48 ชั่วโมงขึ้นไป ก็ควรงดมีเพศสัมพันธ์ หรือให้ใช้ถุงยางอนามัยป้องกันร่วมด้วย ไปจนกว่าจะรับประทานคลาเรนซ์ติดต่อกันครบ 7 วันอีกครั้ง
ถ้าลืมในช่วงแรก ๆ โดยที่ใช้ยาคุมแผงนี้ติดต่อกันยังไม่ครบ 7 วัน ก็อาจยับยั้งการตกไข่ไม่ทัน ทำให้เสี่ยงที่จะตั้งครรภ์ได้ ดังนั้น หากมีเพศสัมพันธ์ไปแล้วโดยไม่ได้ใช้ถุงยางอนามัย ถ้ายังไม่เกิน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ ควรรับประทานยาคุมฉุกเฉินทันทีเพื่อเป็นวิธีป้องกันสำรอง
แต่ถ้าลืมในช่วงท้าย ๆ โดยเหลือยาคุมในแผงให้ใช้ต่อไม่ถึง 7 วัน หรือถ้ามีประจำเดือนมาแล้ว เมื่อรับประทานยาคุมแผงเดิมหมด ก็ให้ต่อแผงใหม่โดยไม่ต้องเว้นว่าง 7 วันก่อน
การลืมรับประทานคลาเรนซ์ติดต่อกันหลายวัน โดยเฉพาะในช่วงสัปดาห์สุดท้าย อาจทำให้ประจำเดือนในรอบนี้มาเร็วกว่าที่คาดไว้
หรือในทางตรงข้าม ถ้าประจำเดือนไม่ได้มาก่อนกำหนด การที่ต่อยาคุมแผงใหม่โดยไม่เว้นว่าง 7 วันก่อน ก็อาจทำให้ในรอบนี้ไม่มีประจำเดือนมาค่ะ โดยประจำเดือนจะมาในช่วงที่เว้นว่าง 7 วันก่อนต่อแผงถัดไปนั่นเอง