บี-เลดี้ (B-Lady)

บีเลดี้

                บี-เลดี้ (B-Lady) เป็นยาคุมรายเดือนแบบ 21 เม็ดที่มีจุดเด่นในการรักษาสิว และใช้คุมกำเนิดในสตรีที่มีฮอร์โมนเพศชายมากผิดปกติ ผลิตโดยห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล โรงงานเภสัชกรรมพอนด์เคมีคอล ประเทศไทย (POND’S Chemical Thailand R.O.P.) และจัดจำหน่ายโดยบริษัท มาซา แลบ จำกัด (MASA Lab Co.,Ltd.) ราคาประมาณ 100 – 130 บาท

                ในแผงยาคุมบี-เลดี้จะมีเม็ดยาเคลือบน้ำตาล (Sugar coated tablet) สีชมพูออกส้ม จำนวน 21 เม็ด ซึ่งทั้งหมดเป็นเม็ดยาฮอร์โมน

ในแผงของบี-เลดี้จะมีเม็ดยาฮอร์โมน 21 เม็ด ไม่มีเม็ดยาหลอก

                โดยแต่ละเม็ดจะมีตัวยาเหมือนกัน นั่นคือ มีฮอร์โมนเอสโตรเจนชื่อว่าเอทธินิลเอสตราไดออล (Ethinylestradiol) 0.035 มิลลิกรัม รวมกับฮอร์โมนโปรเจสตินชื่อว่าไซโปรเทอโรน อะซีเตท (Cyproterone acetate) 2 มิลลิกรัม

                บี-เลดี้เป็นยาคุมที่มีปริมาณเอทธินิลเอสตราไดออลต่ำ (Low dose pills) อาจพบอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ บวมน้ำ หรือการเกิดฝ้าได้บ้าง แต่ก็น้อยกว่ายาคุมฮอร์โมนสูง

                ส่วนไซโปรเทอโรน อะซีเตท มีผลต้านฤทธิ์แอนโดรเจน จึงช่วยลดปัญหาสิว, หน้ามัน, ผมร่วง และขนดก ในผู้หญิงที่มีฮอร์โมนเพศชายมากผิดปกติ

                แต่การใช้ยาคุมก็อาจทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ที่รุนแรงได้ เช่น พบการเกิดลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดจากการใช้ยาคุมสูตรที่มีเอทธินิลเอสตราไดออลรวมกับไซโปรเทอโรน อะซีเตท 9 – 12 ราย ต่อผู้ใช้ 10,000 คนต่อปี และอาจเพิ่มขึ้นมากหากนำมาใช้อย่างไม่เหมาะสม หรือมีปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ร่วมด้วย

                จึงควรปรึกษาสูตินรีแพทย์ก่อนใช้ยาคุมบี-เลดี้ โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัว เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือด รวมถึงการเกิดมะเร็งบางชนิดที่สัมพันธ์กับฮอร์โมนเพศ หรือการเสียชีวิตด้วยโรคหลอดเลือดสมอง/โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด

                มียาคุมหลายยี่ห้อที่มีตัวยาเหมือนกับบี-เลดี้ สำหรับยาคุมแบบ 21 เม็ด ได้แก่ แอนนี (Annie), บีริซ (Beriz), แดฟเน่35 (Dafne35), เดอมูท (Dermooth), ไดแอน-35 (Diane-35), เฮเลน (Helen), เจซี่ (Jezy), ลอร่า-35 (Laura-35), มาโนแอน (Manoane), มาร์เกร็ต พิงค์ (Margret pink), โอซี-35 (OC-35), พรีม (Preme), ซาชา (Sasha) และ ซูซี่ (Sucee)

                ส่วนยาคุมแบบ 28 เม็ด ได้แก่ พรีม28 (Preme28) และ ซูซี่28 (Sucee28)

                การใช้ยาคุมแผงแรก ทั้งในกรณีที่ไม่เคยรับประทานยาคุมรายเดือนมาก่อน และในกรณีที่เคยรับประทานแล้ว แต่หยุดใช้มาระยะหนึ่ง และต้องการกลับมารับประทานอีก แนะนำให้เริ่มยาคุมแผงแรกภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือน เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีการตั้งครรภ์อยู่นะคะ

                และจะถือว่ามีผลคุมกำเนิดได้ทันที เพราะยาคุมสามารถยับยั้งการตกไข่ในรอบเดือนนั้นได้เลย

                หรือถ้ามั่นใจว่าไม่ได้ตั้งครรภ์อยู่ ก็สามารถเริ่มใช้ยาคุมแผงแรกได้โดยไม่ต้องรอให้ประจำเดือนมาก่อนค่ะ

                แต่จะต้องรับประทานบี-เลดี้ติดต่อกันให้ครบ 7 วันก่อนจึงจะเริ่มคุมกำเนิดได้ ในระหว่างนั้น หากไม่มีผลป้องกันจากวิธีคุมกำเนิดอื่น ๆ อยู่ ก็ควรงดมีเพศสัมพันธ์ หรือให้ใช้ถุงยางอนามัยป้องกันร่วมด้วย

                อาการคลื่นไส้/อาเจียนอาจเกิดขึ้นได้หลังรับประทาน โดยเฉพาะในช่วงแรกที่ผู้ใช้ยังไม่ชินกับยาคุม เพื่อลดผลข้างเคียงดังกล่าว อีกทั้งลดความเสี่ยงที่จะลืมใช้ จึงแนะนำให้รับประทานบี-เลดี้ในเวลาก่อนนอนตอนกลางคืนนะคะ

                และควรรับประทานให้ตรงเวลาสม่ำเสมอ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการป้องกันการตั้งครรภ์

                แม้ว่ายาคุมแต่ละเม็ดจะมีตัวยาเหมือนกัน แต่แนะนำให้รับประทานเรียงตามลำดับ เพื่อให้ง่ายต่อการตรวจสอบประจำวัน และป้องกันการรับประทานผิดพลาด

                ซึ่งจะเห็นได้ว่าในแผงของบี-เลดี้มีการระบุตัวย่อของวันในสัปดาห์เอาไว้

การใช้ยาคุมบี-เลดี้เรียงตามตัวย่อของวันในสัปดาห์

                ให้เลือกเม็ดยาที่ระบุตัวย่อตรงกับวันที่จะรับประทาน เช่น ถ้าเริ่มใช้ยาคุมแผงนี้ในวันเสาร์ ก็ให้แกะเม็ดยาที่ระบุว่า “ส.” (ซึ่งย่อมาจากวันเสาร์) มาใช้เป็นเม็ดแรก

                โดยจะเลือกเม็ดยา “ส.” จากตำแหน่งใดก็ได้ใน 3 ตำแหน่งที่มีอยู่ มาเป็นจุดเริ่มต้น เพราะเมื่อรับประทานวนตามเข็มนาฬิกาไปเรื่อย ๆ ก็จะได้ใช้บี-เลดี้จนครบ 21 เม็ดเหมือนกัน

                จากนั้นก็ใช้ต่อวันละเม็ด ตามลำดับที่เลือกไว้ ไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะหมดแผง

                เมื่อใช้ครบ 21 เม็ดแล้ว ก็ให้เว้นว่างเป็นช่วงปลอดฮอร์โมน 7 วัน จากนั้นจึงต่อยาคุมแผงใหม่

                ประจำเดือนมักจะมาประมาณวันที่ 3 หรือ 4 ของการเว้นว่าง หรืออาจคลาดเคลื่อนบ้างเล็กน้อย

                ในกรณีที่ลืมรับประทานยาคุมบี-เลดี้ ไม่ว่าจะลืมแค่วันเดียว หรือลืมต่อเนื่องกันหลายวัน ในวันที่นึกได้ก็ให้รับประทานเม็ดที่ลืม 1 เม็ดทันที แล้วรอรับประทานยาคุมตามเวลาปกติอีก 1 เม็ด

                หรือถ้านึกได้เมื่อถึงเวลารับประทานยาคุมประจำวันแล้ว ก็ให้รับประทานเม็ดที่ลืม 1 เม็ด พร้อมกับเม็ดยาที่ต้องใช้ในวันนั้น รวมกันเป็น 2 เม็ด

                ส่วนวันต่อ ๆ ไป ก็รับประทานวันละเม็ด ตามปกติ

                อ้างอิงแนวทางขององค์การอนามัยโลก (Selected practice recommendations for contraceptive use – 3rd edition; 2016) ในกรณีที่ลืมรับประทานยาคุมที่มีปริมาณเอทธินิลเอสตราไดออล 0.030 – 0.035 มิลลิกรัม มีข้อแนะนำเมื่อลืมรับประทานบี-เลดี้ ดังนี้

                หากเริ่มใช้ยาคุมแผงนี้ถูกต้องและมีผลคุมกำเนิดแล้ว ถ้าลืมรับประทานบี-เลดี้ไม่ถึง 72 ชั่วโมง (นับจากเวลาที่ควรต้องใช้ ไปหาเวลาที่ได้รับประทานจริง) ยังถือว่ามีผลคุมกำเนิดต่อเนื่อง สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ตามปกติ โดยไม่จำเป็นจะต้องใช้วิธีป้องกันอื่น ๆ เพิ่มเติม

                แต่ถ้าลืมรับประทานบี-เลดี้ติดต่อกันตั้งแต่ 72 ชั่วโมงขึ้นไป มีข้อแนะนำดังนี้…

  1. ควรงดมีเพศสัมพันธ์ หรือให้ป้องกันด้วยถุงยางอนามัย ไปจนกว่าจะได้รับประทานยาคุมติดต่อกันครบ 7 วัน
  2. ถ้าลืมในช่วงสัปดาห์แรก และมีเพศสัมพันธ์ไปแล้วโดยไม่ได้ใช้ถุงยางอนามัย หากยังไม่เกิน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ ควรรับประทานยาคุมฉุกเฉินทันทีที่ทำได้
  3. ถ้าในแผงเหลือยาคุมให้ใช้ต่อไม่ถึง 7 วัน หรือถ้ามีประจำเดือนมาแล้ว เมื่อรับประทานหมด ก็ให้ต่อแผงใหม่โดยไม่ต้องเว้นว่าง 7 วันก่อน  

                การลืมรับประทานยาคุมติดต่อกันหลายวัน โดยเฉพาะถ้าลืมในช่วงท้าย ๆ ของแผง อาจทำให้ประจำเดือนมาเร็วกว่าที่คาดไว้

                หรือถ้าประจำเดือนไม่ได้มาก่อนกำหนด การต่อยาคุมแผงใหม่โดยไม่เว้นว่าง 7 วันก่อน ก็อาจทำให้ประจำเดือนถูกเลื่อนออกไปค่ะ โดยประจำเดือนจะมาในช่วงที่ต้องเว้นว่าง 7 วันครั้งต่อไปนั่นเอง